กตเม จ ภิกฺขเว อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพา. อิธ ภิกฺขเว อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท อริยธมฺเม อวินีโต สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส อโกวิโท สปฺปุริสธมฺเม อวินีโต มนสิกรณีเย ธมฺเม นปฺปชานาติ, อมนสิกรณีเย ธมฺเม นปฺปชานาติ. โส มนสิกรณีเย ธมฺเม อปฺปชานนฺโต อมนสิกรณีเย ธมฺเม อปฺปชานนฺโต เย ธมฺมา น มนสิกรณียา, เต ธมฺเม มนสิ กโรติ. เย ธมฺมา มนสิกรณียา เต ธมฺเม น มนสิ กโรติ.
กตเม จ ภิกฺขเว ธมฺมา น มนสิกรณียา, เย ธมฺเม มนสิ กโรติ. ย’สฺส ภิกฺขเว ธมฺเม มนสิกโรโต อนุปฺปนฺโน วา กามาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา กามาสโว ปวฑฺฒติ, อนุปฺปนฺโน วา ภวาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา ภวาสโว ปวฑฺฒติ, อนุปฺปนฺโน วา อวิชฺชาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา อวิชฺชาสโว ปวฑฺฒติ. อิเม ธมฺมา น มนสิกรณียา, เย ธมฺเม มนสิ กโรติ.
กตเม จ ภิกฺขเว ธมฺมา มนสิกรณียา, เย ธมฺเม น มนสิ กโรติ. ย’สฺส ภิกฺขเว ธมฺเม มนสิกโรโต อนุปฺปนฺโน วา กามาสโว น อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา กามาสโว ปหียติ. อนุปฺปนฺโน วา ภวาสโว น อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา ภวาสโว ปหียติ. อนุปฺปนฺโน วา อวิชฺชาสโว น อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา อวิชฺชาสโว ปหียติ. อิเม ธมฺมา มนสิกรณียา, เย ธมฺเม น มนสิ กโรติ.
ตสฺส อมนสิกรณียานํ ธมฺมานํ มนสิการา มนสิกรณียานํ ธมฺมานํ อมนสิการา อนุปฺปนฺนา เจว อาสวา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ อาสวา ปวฑฺฒนฺติ.
โส เอวํ อโยนิโส มนสิ กโรติ “อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธานํ, น นุ โข อโหสึ อตีตมทฺธานํ, กึ นุ โข อโหสึ อตีตมทฺธานํ, กถํ นุ โข อโหสึ อตีตมทฺธานํ, กึ หุตฺวา กึ อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธานํ. ภวิสฺสามิ นุ โข อหํ อนาคตมทฺธานํ, น นุ โข ภวิสฺสามิ อนาคตมทฺธานํ, กึ นุ โข ภวิสฺสามิ อนาคตมทฺธานํ, กถํ นุ โข ภวิสฺสามิ อนาคตมทฺธานํ, กึ หุตฺวา กึ ภวิสฺสามิ นุ โข อหํ อนาคตมทฺธานนฺ”ติ. เอตรหิ วา ปจฺจุปฺปนฺนมทฺธานํ อชฺฌตฺตํ กถํกถี โหติ “อหํ นุ โขสฺมิ, โน นุ โขสฺมิ, กึ นุ โขสฺมิ, กถํ นุ โขสฺมิ, อยํ นุ โข สตฺโต กุโต อาคโต, โส กุหึ คามี ภวิสฺสตี”ติ.
ตสฺส เอวํ อโยนิโส มนสิกโรโต ฉนฺนํ ทิฏฺฐีนํ อญฺญตรา ทิฏฺฐิ อุปฺปชฺชติ. “อตฺถิ เม อตฺตา”ติ วา อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฏฺฐิ อุปฺปชฺชติ, “นตฺถิ เม อตฺตา”ติ วา อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฏฺฐิ อุปฺปชฺชติ, “อตฺตนาว อตฺตานํ สญฺชานามี”ติ วา อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฏฺฐิ อุปฺปชฺชติ, “อตฺตนาว อนตฺตานํ สญฺชานามี”ติ วา อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฏฺฐิ อุปฺปชฺชติ, “อนตฺตนาว อตฺตานํ สญฺชานามี”ติ วา อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฏฺฐิ อุปฺปชฺชติ. อถ วา ปนสฺส เอวํ ทิฏฺฐิ โหติ “โย เม อยํ อตฺตา วโท เวเทยฺโย ตตฺร ตตฺร กลฺยาณปาปกานํ กมฺมานํ วิปากํ ปฏิสํเวเทติ, โส โข ปน เม อยํ อตฺตา นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม สสฺสติสมํ ตเถว ฐสฺสตี”ติ. อิทํ วุจฺจติ ภิกฺขเว ทิฏฺฐิคตํ ทิฏฺฐิคหนํ ทิฏฺฐิกนฺตารํ ทิฏฺฐิวิสูกํ ทิฏฺฐิวิปฺผนฺทิตํ ทิฏฺฐิสํโยชนํ. ทิฏฺฐิสํโยชนสํยุตฺโต ภิกฺขเว อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน น ปริมุจฺจติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, น ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมาติ วทามิ.
สุตวา จ โข ภิกฺขเว อริยสาวโก อริยานํ ทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส โกวิโท อริยธมฺเม สุวินีโต สปฺปุริสานํ ทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส โกวิโท สปฺปุริสธมฺเม สุวินีโต มนสิกรณีเย ธมฺเม ปชานาติ, อมนสิกรณีเย ธมฺเม ปชานาติ. โส มนสิกรณีเย ธมฺเม ปชานนฺโต อมนสิกรณีเย ธมฺเม ปชานนฺโต เย ธมฺมา น มนสิกรณียา, เต ธมฺเม น มนสิ กโรติ. เย ธมฺมา มนสิกรณียา, เต ธมฺเม มนสิ กโรติ.
กตเม จ ภิกฺขเว ธมฺมา น มนสิกรณียา, เย ธมฺเม น มนสิ กโรติ. ย’สฺส ภิกฺขเว ธมฺเม มนสิกโรโต อนุปฺปนฺโน วา กามาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา กามาสโว ปวฑฺฒติ, อนุปฺปนฺโน วา ภวาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา ภวาสโว ปวฑฺฒติ. อนุปฺปนฺโน วา อวิชฺชาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา อวิชฺชาสโว ปวฑฺฒติ. อิเม ธมฺมา น มนสิกรณียา, เย ธมฺเม น มนสิ กโรติ.
กตเม จ ภิกฺขเว ธมฺมา มนสิกรณียา, เย ธมฺเม มนสิ กโรติ. ย’สฺส ภิกฺขเว ธมฺเม มนสิกโรโต อนุปฺปนฺโน วา กามาสโว น อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา กามาสโว ปหียติ. อนุปฺปนฺโน วา ภวาสโว น อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา ภวาสโว ปหียติ. อนุปฺปนฺโน วา อวิชฺชาสโว น อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา อวิชฺชาสโว ปหียติ. อิเม ธมฺมา มนสิกรณียา, เย ธมฺเม มนสิ กโรติ.
ตสฺส อมนสิกรณียานํ ธมฺมานํ อมนสิการา มนสิกรณียานํ ธมฺมานํ มนสิการา อนุปฺปนฺนา เจว อาสวา น อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ อาสวา ปหียนฺติ.
โส “อิทํ ทุกฺขนฺ”ติ โยนิโส มนสิ กโรติ, “อยํ ทุกฺขสมุทโย”ติ โยนิโส มนสิ กโรติ, “อยํ ทุกฺขนิโรโธ”ติ โยนิโส มนสิ กโรติ, “อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา”ติ โยนิโส มนสิ กโรติ. ตสฺส เอวํ โยนิโส มนสิกโรโต ตีณิ สํโยชนานิ ปหียนฺติ สกฺกายทิฏฺฐิ วิจิกิจฺฉา สีลพฺพตปรามาโส. อิเม วุจฺจนฺติ ภิกฺขเว อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพา.